เครื่องย่อยกิ่งไม้ แบบไฟฟ้า กับใช้น้ำมัน แตกต่างกันอย่างไร

การใช้ เครื่องย่อยกิ่งไม้ เป็นเครื่องมือที่สามารถช่วยลดขยะในสวนโดยสามารถหั่นกิ่งไม้ ใบไม้ ด้วยการหั่นฝอย เป็นชิ้นเล็ก ๆ ทำให้เป็นเรื่องที่ง่ายในการกำจัด และยังสะดวกต่อการนำไปทำเป็นปุ๋ยหมัก ซึ่งในท้องตลาดก็มีให้เลือกหลากหลายไม่ว่าจะเป็นการใช้ในบ้าน สวนเล็ก ๆ หรือเชิงพานิช รวมไปถึงมีหลายขนาด แต่การทำงานของตัวเครื่องสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทก็คือ แบบมอเตอร์ไฟฟ้า กับใช้เครื่องยนต์น้ำมัน การเลือกใช้งานก็ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมซึ่งก็มีข้อดี ข้อเสีย แตกต่างกันออกไปดังนี้

เครื่องย่อยกิ่งไม้ แบบใช้มอเตอร์ไฟฟ้า

เครื่องสำหรับย่อยกิ่งไม้ประเภทนี้ข้อดีก็คือ จะมีขนาดค่อนข้างเล็กกะทัดรัด น้ำหนักเบา สามารถเคลื่อนย้าย และจัดเก็บได้สะดวก การใช้งานก็ค่อนข้างจะง่ายเพียงแค่เสียบปลั๊กเครื่องเข้ากับเต้ารับ ไม่จำเป็นต้องเติมน้ำมัน ไม่ต้องกังวลเรื่องควันไอเสียที่เป็นมลพิษ เป็นเครื่องที่ประหยัดพลังงาน มีเสียงที่ไม่ดัง มีการบำรุงรักษาที่ไม่ยุ่งยาก

แต่อย่างไรก็ตามการใช้งานก็ไม่ได้ถือว่าสะดวกไปเสียทีเดียว เพราะมีข้อจำกัดอยู่เหมือนกัน เช่น หากต้องการนำเครื่องไปใช้ในไร่ ในสวน ก็จำเป็นต้องต่อสายไฟที่ยาวจนเข้าถึงได้ และหากยิ่งต่อยาวมากเท่าไหร่ เครื่องก็จะสูญเสียกำลังมากขึ้นตามไปด้วย

เครื่องย่อยกิ่งไม้ แบบใช้เครื่องยนต์น้ำมัน

เครื่องสำหรับย่อยกิ่งไม้แบบใช้เครื่องยนต์จะใช้พลังงานน้ำมันในการย่อยสลาย ซึ่งมีกำลังการผลิตที่สูงมากกว่าเครื่องย่อยแบบมอเตอร์ไฟฟ้า และยังมีความแข็งแรงทนทานมากกว่าสามารถใช้ได้กับเนื้อไม้ทุกประเภทไม่ว่าจะเป็นเนื้อแข็ง หรือเนื้ออ่อน หากตั้งให้หมุนเร็วมากเท่าไหร่การย่อยก็ละเอียดมากขึ้นเท่านั้น และยังสามารถนำเครื่องเข้าไปในสวนลึก ๆ โดยไม่ต้องกังวลว่าสายไฟจะยาวไม่ถึง หรือต้องเสียพลังเครื่องยนต์มากไปจากการต่อไฟเหมือนเครื่องใช้มอเตอร์ไฟฟ้า

แต่ข้อเสียก็คือเครื่องจะมีน้ำหนักที่มาก การเคลื่อนย้ายจึงไม่ค่อยสะดวกมากนัก อีกทั้งยังมีค่าใช้จ่ายค่าเชื้อเพลิง การปล่อยควันจากท่อไอเสีย และเครื่องยนต์ค่อนข้างที่จะมีเสียงดังเวลาทำงาน

ดังนั้นจึงสรุปได้ง่าย ๆ ในการเลือกใช้งาน เครื่องย่อยกิ่งไม้ก็คือ หากต้องใช้งานเป็นประจำ ใช้งานหนัก กับพื้นที่กว้างขวาง มีกิ่งไม้ที่ต้องย่อยหลายแบบทั้งไม้เนื้ออ่อน และเนื้อแข็งควรเลือกเครื่องย่อยที่เป็นเครื่องยนต์ใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิง แต่หากต้องการใช้ภายในสวนหน้าบ้าน หรือพื้นที่ไม่กว้างมากนัก ใช้ไม่บ่อยปีละ 2-3 ครั้งก็ควรเลือกใช้แบบใช้มอเตอร์ไฟฟ้า เพราะเหมาะสำหรับการใช้งานที่ไม่หนัก มีน้ำหนักที่เบา ใช้งานง่าย จัดเก็บสะดวกกว่า